เมนู

ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นความพอใจเนือง ๆ ในธรรมทั้งหลายอันเป็น
ปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ ตัณหาย่อมเจริญ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะตัณหา
เป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ฯ ล ฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[214] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นโทษเนือง ๆ ในธรรม
ทั้งหลายอันเป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ ตัณหาย่อมดับ เพราะตัณหาดับ
อุปาทานจึงดับ ฯ ล ฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย
ประการอย่างนี้.
[215] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้อ่อนยืนต้นอยู่อย่างนั้น ทีนั้น
บุรุษเอาจอบและภาชนะ ฯ ล ฯ หรือลอยในแม่น้ำมีกระแสอันเชี่ยว ก็เมื่อ
เป็นอย่างนี้ต้นไม้อ่อนนั้น ถูกตัดรากขึ้นแล้ว ทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน
ถึงความไม่มี ไม่เกิดอีกต่อไป แม้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็น
โทษเนือง ๆ ในธรรมทั้งหลายอันเป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ ตัณหา
ย่อมดับ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ ฯ ล ฯ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนั้น.
จบตรุณรุกขสูตรที่ 7

อรรถกถาตรุณรุกขสูตรที่ 7



ในตรุณรุกขสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ตรุโณ ได้แก่ ยังไม่เผล็ดผล. บทว่า ปลิสชฺเชยฺย แปลว่า
พึงชำระ. ข้อว่า "ปํสุํ ทเทยฺย ใส่ปุ๋ย." ได้แก่ เอาปุ๋ยที่แข็งและหยาบออก
ใส่ปุ๋ยที่หวานเจือปนด้วยโคมัยอ่อนและฝุ่นละเอียดลงไป. บทว่า วุฑฺฒึ

ได้แก่ ถึงความเจริญงอกงาม ควรจะเก็บดอกก็ได้เก็บดอก ควรจะเก็บผลก็
ได้เก็บผล. ก็ในข้อนี้มีการเทียบเคียงด้วยข้ออุปมาดังนี้ วัฏฏะอันเป็นไปใน
ภูมิ 3 เหมือนต้นไม้อ่อน ปุถุชนอาศัยวัฏฏะเหมือนบุรุษบำรุงต้นไม้ การ
ประมวลมาซึ่งกรรมที่เป็นกุศลและอกุศลทางทวาร 3 เหมือนการสืบต่อแห่ง
รากและผลไม้เป็นต้น ความเป็นไปแห่งวัฏฏะในภพต่อ ๆ ไปของปุถุชน
ผู้ประมวลมาซึ่งกรรมทางทวาร 3 เหมือนต้นไม้ที่ถึงความเจริญงอกงาม.
วิวัฏฏะ (พระนิพพาน) พึงทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วแล.
จบอรรถกถาตรุณรุกขสูตรที่ 7

8. นามรูปสูตร



ว่าด้วยภิกษุพอใจในธรรมกับนามรูป



[216] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็น
ความพอใจเนือง ๆ ในธรรมทั้งหลายอันเป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ นาม-
รูปก็หยั่งลง เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ฯ ล ฯ ความ
เกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[217] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้ใหญ่มีรากหยั่งลงและแผ่ไป
ข้าง ๆ รากทั้งหมดนั้นดูดโอชารสไปเบื้องบน ก็เมื่อเป็นอย่างนี้
ต้นไม้ใหญ่นั้น มีอาหารอย่างนั้น มีเชื้ออย่างนั้น พึงเป็นอยู่ตลอดกาล
นาน แม้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นความพอใจเนือง ๆ ในธรรม
ทั้งหลายอันเป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ นามรูปก็หยั่งลง ฉันนั้นเหมือนกัน